คำเชิญชวน เป็นการแนะให้ช่วยกันกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่ง กลวิธีคือ การชี้ให้เห็นผู้ถูกโน้มน้าวใจเกิดความภาคภูมิใจว่า ถ้าปฏิบัติตามคำเชิญชวน จะได้ชื่อว่า เป็นผู้ทำประโยชน์แก่ส่วนรวม ๒. โฆษณาสินค้าหรือโฆษณาบริการ ลักษณะสำคัญของโฆษณาสินค้าคือ ๒. ๑ จะมีส่วนนำที่สะดุดหูสะดุดตาซึ่งมีผลทำให้สะดุดใจสาธารณชน ๒. ๒ ตัวสารจะไม่ใช่ถ้อยคำที่ยืดยาว มักเป็นรูปประโยคสั้นๆ หรือวลีสั้นๆ ๒. ๓ เนื้อหาจะชี้ให้เห็นถึงความดีของสินค้า ๒. ๔ ผู้โฆษณาจะโน้มน้าวใจที่มุ่งสนองความต้องการพื้นฐานของมนุษย์ ๒. ๕ เนื้อหาของการโฆษณา จะขาดเหตุผลที่หนักแน่นและรัดกุม ๒. ๖ สารโฆษณาจะปรากฏทางสื่อต่างๆ ซ้ำๆ กัน ๓. โฆษณาชวนเชื่อ เป็นการพยายามโดยจงใจเจตนา ที่จะเปลี่ยนความเชื่อและการกระทำของบุคคล ให้เป็นไปในทางที่ตนต้องการ ด้วยวิธีต่างๆ โดยไม่คำนึง ถึงความถูกต้อง ของเหตุผลและข้อเท็จจริง ผู้โฆษณามีเป้าหมายที่จะเปลี่ยนความเชื่อและอุดมการณ์ของคน ให้นิยมเลื่อมใสในอุดมการณ์ฝ่ายตน และกระทำพฤติกรรมต่างๆ ตามที่ฝ่ายโฆษณาชวนเชื่อต้องการ กลวิธีในการโฆษณาชวนเชื่อ ๑. การตราชื่อ เป็นการเบนความสนใจและผู้รับสารไปจากเหตุผลและข้อเท็จจริง ผู้รับสารควรพิจารณาหลักการและเนื้อหาต่างๆ ให้รอบคอบเสียก่อน โดยไม่ใช้ความคิด หรือเหตุผลตรวจสอบ ๒.
การใช้ภาษาในการโน้มน้าวใจ ควรใช้ภาษาในเชิงเสนอแนะ ขอร้อง วิงวอน หรือเร้าใจ ซึ่งในการใช้ถ้อยคำให้เกิดน้ำเสียงดังกล่าว จะต้องเลือกใช้คำที่สื่อความหมายตามที่ต้องการ โดยคำนึงถึง จังหวะและความนุ่นนวล ในน้ำเสียง ลักษณะของสารโน้มน้าวใจ ๑.
ประดิษฐ์ถ้อยคำกะทัดรัด ภาษาโฆษณาที่ดีต้องใช้คำสั้น กะทัดรัด ทำให้ผู้พบเห็นรับสารได้อย่างรวดเร็ว เช่น เพื่อนคู่คิด มิตรคู่ใจ, เล็กดีรสเด็ด ๘. สร้างความเชื่อถือ ต้องสร้างความน่าเชื่อถือให้กับผู้รับสาร ๙. มีจุดเด่น การเลือกใช้ถ้อยคำอย่างพิถีพิถัน ใช้คำแปลกใหม่ให้เกิดความสะดุดใจ เช่น มาเริงร่าสดใสในโลกสดสวยด้วยสี ๑ o. ใช้ถ้อยคำคล้องจอง โดยการสร้างวลี หรือประโยคให้สัมผัสกันเกิดความสะดุดตา และจำได้แม่นยำ เช่น เครื่องดื่มมีคุณค่า ราคาน้ำอัดลม ส่วนประกอบของโฆษณา ๑. เนื้อหา ชี้ให้เห็นแต่ความดี พิเศษของสินค้า การบริการ ๒. รูปแบบการนำเสนอ เป็นคำขวัญ ข้อความสั้นๆ ๓. ภาษาโฆษณา ถ้อยคำแปลกใหม่ สะดุดหูสะดุดใจ ๔. การโน้มน้าวใจ อ้างสถิติบุคคล องค์กร ประโยชน์ของการโฆษณา ๑. เปิดโอกาสให้คนทั่วไปได้รู้จักสินค้าหลายประเภท การบริการที่สะดวก ๒. ให้ข้อคิดที่เป็นประโยชน์ เช่น รักษาสิ่งแวดล้อม รู้จักประหยัด โทษของการโฆษณา ๑. เข้าใจผิด หรือหลงผิดไปตามคำโฆษณาชวนเชื่อ ๒. เสนอค่านิยมที่ผิดๆ เช่น การใช้ความรุนแรง การหลอกลวง อิทธิพลของภาษาโฆษณา ผู้คิดภาษาโฆษณาพยายามสรรคำที่กระชับ เข้าใจง่าย มีความเปรียบที่ชัดเจน และสามารถสื่อความหมายได้ตรงกับคุณสมบัติของสินค้าและบริการ จึงไม่เคร่งครัดในเรื่องภาษา การใช้ภาษาโดยไม่มีกรอบที่เคยใช้ เช่น ๑.
ทำให้เกิดการสร้างสรรค์ภาที่มีความงามระดับวรรณศิลป์ เช่น เที่ยวเมืองไทยไม่ไปไม่รู้ ห้าห่วงทนหายห่วง งีบหนึ่งก็ถึงแล้ว บินกับการบินไทย ๒. เป็นแบบอย่างให้คนในสังคมใช้ตามจนเกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นกับภาษา เช่น เกิดคำใหม่ วลีใหม่ สำนวนใหม่ เช่น โดนใจ แทนคำว่า ประทับใจ ถูกใจ ถูกต้องแล้วครับ แทนคำ ถูก เมื่อใช้ไปนานๆ ก็จะเป็นภาษาที่เปลี่ยนไปได้ในที่สุด
โฆษณาสินค้า หรือ โฆษณาบริการ มีลักษณะดังนี้ 2. 1 ใช้ถ้อยคำที่แปลกใหม่ สะดุดหู สะดุดตา ผู้รับสาร 2. 2 ใช้ประโยค หรือวลีสั้น ๆ ที่ทำให้ผู้อื่นรับรู้ได้อย่างฉับพลัน 2. 3 เนื้อหาจะแสดงให้เห็นถึงคุณภาพอันดีเลิศของสินค้า หรือบริการ 2. 4 ใช้กลวิธีโน้มน้าวใจโดยชี้ให้เห็นประโยชน์ของสินค้า 2. 5 เนื้อหาของสารโฆษณามักขาดเหตุผลที่หนักแน่นรัดกุม 2. 6 การนำเสนอสารใช้วิธีโฆษณาตามสื่อต่าง ๆ ซ้ำ ๆ หลายวัน หลักในการเขียนโน้มน้าวใจ หลักการเขียนโน้มน้าวใจควรคำนึงถึงหลักต่าง ๆ ดังนี้ 1. การวิเคราะห์ผู้อ่าน ผู้เขียนจะต้องวิเคราะห์ผู้อ่านว่า มีลักษณะอย่างไร เช่น เพศ วัย การศึกษา อาชีพ ฐานะทางเศรษฐกิจ ฐานะทางสังคม และค่านิยม เป็นต้น การวิเคราะห์ผู้อ่านจะช่วย ให้ผู้เขียนสามารถกำหนด เนื้อหาและกลวิธีการนำเสนอได้อย่างเหมาะสม 2. การใช้หลักจิตวิทยา ผู้เขียนจะต้องอาศัยหลักจิตวิทยาในการเขียนโน้มน้าวใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากผู้เขียนต้องทำความเข้าใจธรรมชาติ ความสนใจ และความต้องการของผู้อ่าน ว่าน่าจะเป็น ไปในทิศทางใด แล้วจึงนำมาเป็นประโยชน์ในการเขียนโน้มน้าวใจต่อไป 3. การให้เหตุผล ผู้เขียนต้องพยายามหาเหตุผลมาสนับสนุนความคิดเห็นของตน เหตุผลที่นำมาอ้างนั้นควรน่าเชื่อถือ มีน้ำหนักเพียงพอ และเป็นไปได้ในทางปฏิบัติ ทั้งนี้เพื่อให้ผู้อ่านเชื่อถือ และยอมรับ ตลอดจนมีปฏิกิริยาตอบสนองความต้องการของผู้เขียน 4.