เพื่อนร่วมงานมีงาน แต่ไม่ทำ! นอกจากหัวข้อเรื่องหัวหน้าแล้ว สิ่งที่หน้าเหนื่อยหน่ายใจไม่แพ้กันก็คือเพื่อนร่วมงานประเภทมือไม่พายแถมเอาเท้าราน้ำ แบบในเคสนี้ "มีเพื่อนที่ทำงานคนนึงที่นิสัยแบบว่ามีงานของตัวเองนะ แต่ไม่ทำอะ ชอบโบ้ยให้คนอื่นช่วย ส่วนตัวเองก็เอาเวลาไปทำอะไรที่ไม่เกิดประโยชน์เลย แต่พอเป็นอะไรที่ได้คำชมเชยแบบทั้งทีม ยัยนี่เสนอหน้าแจ๋นมาคนแรกเลย เหมือนมาเคลมรางวัลเอาหน้า แบบนี้ใคร ๆ ก็ไม่อยากทำงานด้วยปะ! "
พูดคุยทันที อย่ารอจนคุณหรือหัวหน้ารู้สึกโกรธและรำคาญใจจากปัญหานี้จนรู้สึกปล่อยไว้ไม่ได้แล้ว เพราะนั่นหมายความว่าคนอื่นๆในทีมอาจจะทนไม่ได้แล้วก็เป็นได้ พูดคุยเพื่อรับรู้ถึงปัญหาของพนักงานที่มาสายทันทีเพื่อไม่ให้ปัญหาลุกลามบานปลาย ทำให้พนักงานเข้าใจว่าเวลาที่ควรพร้อมสำหรับทำงานคือเวลาเข้างาน และหาทางออกของปัญหาร่วมกันหากมีเหตุผลที่ดีเพียงพอ นอกจากนี้การเรียกคุยยังทำให้พนักงานที่มาสายรู้ด้วยว่าหัวหน้าอย่างคุณไม่ได้ปล่อยปละละเลย 5.
1. ประสิทธิภาพการทำงานที่ลดลง เชื่อหรือไม่ว่าหากอยู่ดีๆพนักงานคนหนึ่งเริ่มที่จะมาสาย การมาสายอาจเป็นปัจจัยแรกๆที่ช่วยทำให้คุณมองเห็นสัญญาณอะไรบางอย่าง โดยมากแล้วพนักงานที่มาตรงเวลานั้นมักจะมาพร้อมกับความกระตือรือร้นที่มากกว่า นอกจากนี้การมาสายเล็กๆน้อยดูเผินๆอาจจะไม่มีอะไรแต่คุณอาจจะประหลาดใจที่เวลาที่สูญไปมารวมๆกันในแต่ละปีมันมากกว่าที่คุณคิดมากๆ 2. ส่งผลเสียต่อ teamwork ถ้ามีพนักงานคนหนึ่งมาสายบ่อยๆ และบริษัทไม่มีการจัดการอะไร พนักงานที่มาตรงต่อเวลารู้สึกว่าโดนเอาเปรียบ ยิ่งถ้าเป็นงานที่ต้องทำร่วมกัน สุดท้ายการทำงานร่วมกันก็จะเป็นไปได้ยากกว่าเดิม ซ้ำร้ายหากพนักงานคนที่มาตรงเวลารู้สึกว่าบริษัทไม่ได้มีการเอาจริงเอาจัง พนักงานคนนั้นๆก็มีแนวโน้มว่าจะมาสายด้วยเช่นกัน 3.
วันที่ 05 ส. ค. 2557 เวลา 13:09 น. โดย... จารุพันธ์ จิระรัชนิรมย์ ร้อยพ่อพันแม่ย่อมสร้างคนแต่ละคนให้มีลักษณะแตกต่างกัน เมื่อคนเหล่านี้ต้องอยู่ร่วมกันในสังคมการทำงาน อาจเกิดปัญหาชวนให้องค์กรปวดหัวได้ องค์กรจึงต้องเตรียมแผนไว้รับมือ เพื่อให้แผนการทำงานต่างๆ ที่วางไว้เดินได้มีประสิทธิภาพ นพวรรณ จุลกนิษฐ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท จัดหางาน จ๊อบส์ ดีบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ได้รวบรวมพฤติกรรมที่เป็นปัญหาขององค์กรต่างๆ จากองค์กรที่มาใช้บริการจัดหางานกับบริษัทกว่า 1. 7 หมื่นแห่ง ช่วง 13 ปีที่ผ่านมา รวมทั้งปัญหาที่บริษัทพบเอง สรุปเป็นพฤติกรรมเพื่อนร่วมงานที่ชวนป่วนองค์กรได้ 20 ประเภท ได้แก่ 1. ไม่ปรับตัว ไม่เปิดใจ กลุ่มนี้ไม่ยอมรับสิ่งใหม่ เมื่อบริษัทปรับโครงสร้างใหม่ สิ่งแวดล้อมใหม่ จะไม่พอใจ แสดงออกทางพฤติกรรม สีหน้า และไม่ให้ความร่วมมือ 2. เป็นศิลปินเดี่ยว โดยชอบทำงานคนเดียว โชว์ผลงานเดี่ยว ไม่สามารถทำงานเป็นทีมกับคนอื่นได้ รวมทั้งไม่แบ่งปันความคิดเห็นใดๆ 3. กฎมีไว้แหก ไม่ยอมทำตามกฎระเบียบที่บริษัทวางไว้ เช่น แต่งกายไม่เหมาะสม มาสายเกินกำหนด ตอกบัตรแทนกัน 4. ย่ำกับที่ กลุ่มนี้จะไม่พัฒนาตัวเอง ไม่ต่อยอดงาน ไม่สร้างสรรค์สิ่งใหม่ และจะไม่อาสาทำงานยากๆ 5.
ขั้นแรก... ต้องแยกแยะ "คน" ในหน่วยงานนั้น (ถ้าจะเน้นแก้เฉพาะหน่วยงาน) หรือ คนในองค์กร (ถ้าจะแก้ปัญหาเรื่องคนทั้งองค์กร) ออกมาให้ชัดเจนครับ ว่ามีกี่กลุ่ม? กลุ่มที่สร้างปัญหา.. กลุ่มนี้ถ้าสร้างปัญหาอย่างร้ายแรงเช่นทุจริต หรือทัศนคติลบซ้ำซากไม่ยอมเปลี่ยนแปลงและยังชักนำคนอื่นๆ ให้มีทัศนคติลบไปด้วย หรือสร้างปัญหาซ้ำซากกับลูกค้าแบบไม่แคร์อะไร "อย่าเก็บกลุ่มนี้ให้สร้างปัญหาต่อไปเป็นอันขาด! " แต่ปัญหาคือ.. บรรดาหัวหน้าทีมไปจนถึงผู้บริหาร มักจะกล้ำกลืนฝืนทน เก็บเอาไว้.. เพื่ออะไรครับ!? ส่วน กลุ่มที่สร้างภาระ.. กลุ่มนี้อาจไม่ถึงกับสร้างปัญหา แต่สร้างภาระให้กับหน่วยงาน ส่วนมากเป็นกลุ่มคนที่อยู่มานาน แต่ไม่มีการพัฒนา ไม่ชอบเรียนรู้ นับวันยิ่งเป็นภาระขององค์กร ขึ้นอยู่กับผู้นำองค์กรว่าจะมองกลุ่มนี้ยังไง? เห็นว่าอยู่มานานก็ไม่อยากไปทำอะไรกับกลุ่มนี้ ส่วนมากจึงปล่อยให้กลุ่มนี้สร้างภาระต่อไป.. ถ้ากล้าคิด กล้าตัดสินใจ ต้องคุยกับกลุ่มนี้ให้ชัดให้เข้าใจตรงกันว่า การอยู่มานานถ้าไม่พัฒนาก็ถึงเวลาต้องเปลี่ยนแปลง! จะเรียนรู้ทักษะใหม่ๆวิธีคิดใหม่ๆเพื่อไม่ให้เป็นภาระของหน่วยงานและองค์กร หรือจะลดวันทำงานลดรายได้ของกลุ่มนี้ไปจนถึงจากกันด้วยดีแต่เพียงเท่านี้ ให้กลุ่มนี้เลือกเอา!